เมนูสินค้า
- เครื่องวัดอุณหภูมิ
- บอลวาล์ว
- บัตเตอร์ฟลายวาล์ว
- วาล์วกันกลับ
วาล์วอุตสาหกรรม (Valve)
วาล์ว (Valve) อุปกรณ์สำคัญในระบบท่อและอุตสาหกรรมต่างๆ มีหลากหลายประเภท อาทิ วาล์วควบคุมแรงดัน วาล์วนิรภัย วาล์วลูกลอย วาล์วกันกลับ วาล์ว 2/3/4 ทาง ผลิตจากวัสดุต่างๆ เช่น ทองเหลือง สเตนเลส พีวีซี ตามลักษณะการใช้งาน บางประเภทใช้การควบคุมด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือลม (Actuator) เพื่อให้สามารถเปิด-ปิด หรือปรับค่าได้อย่างแม่นยำ เลือกใช้ให้เหมาะสมเพื่อสะดวกในการบำรุงรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
เลือกซื้อวาล์วอุตสาหกรรมบนเว็บไซต์ของเรา
วาล์ว คืออะไร ?
วาล์ว หรือ Valve เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ควบคุมการไหลของสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของเหลว ก๊าซ หรือไอน้ำ มีหน้าที่ในการเปิด-ปิด ควบคุมอัตราการไหล รวมถึงป้องกันการไหลย้อนกลับของสาร ช่วยให้การทำงานของระบบท่อมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำ
ประเภทของวาล์ว (Valve type)
วาล์วแต่ละประเภทจะมีลักษณะโครงสร้างและคุณสมบัติเฉพาะ เหมาะสำหรับงานต่างๆ กัน เช่น ควบคุมแรงดัน ทิศทางการไหล ระดับ ความปลอดภัย การกรอง เป็นต้น จึงต้องพิจารณาเลือกใช้วาล์วให้เหมาะสมตามวัตถุประสงค์โดยประเภทวาล์วที่นิยมนำมาใช้ในงานอุตสาหกรรม มีดังนี้
วาล์วนิรภัย (Safety Valve)
วาล์วนิรภัย (Safety Valve) เป็นวาล์วนิรภัยที่จะเปิดระบายของไหลหรือไอออกจากระบบเมื่อแรงดันสูงเกินค่าที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
วาล์วลูกลอย (Float Valve)
วาล์วลูกลอย (Float Valve) ใช้ควบคุมระดับของเหลวในภาชนะ โดยลูกลอยจะทำให้วาล์วเปิดปิดตามระดับของเหลว เช่น ถังน้ำประปา
วาล์วกันกลับ (Check/Non-Return Valve)
วาล์วกันกลับ หรือ เช็ควาล์ว (Check/Non-Return Valve) เป็นวาล์วที่อนุญาตให้ของไหลผ่านไปในทิศทางเดียวเท่านั้น แต่ป้องกันไม่ให้ไหลย้อนกลับ
วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve)
วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) เป็นวาล์วที่มีลักษณะคล้ายปีกผีเสื้อ ใชเปิด-ปิดวงแหวนภายในท่อขนาดใหญ่ได้ง่ายด้วยแรงบิดเพียงเล็กน้อย
บอลวาล์ว (Ball Valve)
บอลวาล์ว (Ball Valve) ใช้ลูกบอลโลหะเจาะรูเปิดปิดการไหลของของไหล เปิดปิดได้ง่ายด้วยการหมุนเพียงครึ่งรอบ
วาล์วระบายอากาศ (Air Vent Valve)
Air Vent Valve เป็นวาล์วที่ติดตั้งบริเวณจุดสูงสุดของระบบท่อ เพื่อระบายอากาศออกจากระบบ
ไดอะแฟรมวาล์ว (Diaphragm Valve)
บาลานซ์ซิ่งวาล์ว (Balancing Valve) ใช้ในระบบท่อเพื่อปรับสมดุลอัตราการไหลในแต่ละสาย
เกทวาล์ว (Gate Valve)
เกทวาล์ว (Gate Valve) เปิดปิดด้วยการเลื่อนสไลด์วาล์วขึ้นลง สามารถปิดกั้นได้สนิท ใช้สำหรับท่อหลักและกดเกณฑ์ต่างๆ
โกลบวาล์ว (Globe Valve)
โกลบวาล์ว (Globe Valve) เป็นวาล์วทรงกลมที่ใช้สำหรับควบคุมการไหล โดยปรับระดับการเปิดปิดของวาล์ว
วาล์วใบมีด (Knife Gate Valve)
วาล์วใบมีด (Knife Gate Valve) ใช้ใบมีดเลื่อนตัดผ่านรอยต่อท่อเพื่อเปิดปิดการไหล เหมาะกับของเหลวที่มีเศษวัสดุปนอยู่
วาล์วเข็ม (Needle Valve)
วาล์วเข็ม (Needle Valve) มีรูพรุนขนาดเล็กที่สามารถปรับการไหลได้ละเอียดด้วยการหมุนปรับ เหมาะกับการควบคุมของไหลเบาๆ
วาล์วกระบอกสูบ (Piston Valve)
วาล์วกระบอกสูบ (Piston Valve) ใช้ลูกสูบเลื่อนเปิดปิดท่อ โดยเคลื่อนที่สวนทางกับการไหลของของไหล
วาล์วลดแรงดัน (Pressure Reducing Valve)
วาล์วลดแรงดัน (Pressure Reducing Valve) ใช้ลดแรงดันสูงลงในบางจุดของระบบท่อเพื่อป้องกันความเสียหาย
โซลินอยด์วาล์ว (Solenoid Valve)
โซลินอยด์วาล์ว (Solenoid Valve) ใช้ตัวนำไฟฟ้าควบคุมการเปิดปิด มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว แต่ขนาดเล็กจำกัดอัตราการไหล
กระจกมองภาพ (Sight Glass)
Sight Glass ใช้สังเกตุการณ์การไหลของของไหลในท่อ เช่น การตรวจสอบระดับ ตะกอน อากาศ เป็นต้น ลักษณะคล้ายตาแมว
สตีมแทรป (Steam Trap)
สตีมแทรป (Steam Trap) เป็นวาล์วอัตโนมัติที่ใช้ระบายนํ้าเกรไกร์หรือนํ้าควบแน่นที่เกิดขึ้นในระบบท่อไอนํ้าออก แต่ยังคงกักไอนํ้าไว้
วายสแตนเนอร์ (Y-Strainer)
ไวสแตนเนอร์ (Y-Strainer) เป็นตะแกรงที่ติดตั้งในท่อ ใช้กรองดักตะกอนหรือวัสดุแขวนลอยในท่อ โดยมีทางระบายตะกอนสะสมออก
วัสดุที่ใช้ผลิตวาล์ว (Valve material)
วัสดุของตัววาล์วมีผลต่อการใช้งาน เนื่องจากข้อจำกัดที่แตกต่างในหน้างาน เช่น แรงดัน อุณหภูมิ หรือสารเคมี ทำให้ผู้ผลิตออกแบบวาล์วด้วยวัสดุที่แตกต่างกัน เพื่อให้ทนทานต่อการใช้งานในด้านต่างๆ โดยมีวัสดุที่ใช้ผลิตวาล์ว ดังนี้
- วาล์วโลหะ: เช่น ทองเหลือง สเตนเลส เหล็กกล้าไร้สนิม เป็นต้น เหมาะสำหรับใช้กับสารที่มีความรุนแรง อุณหภูมิและแรงดันสูง วาล์วโลหะมีความทนทานและแข็งแรง
- วาล์วพลาสติก: ผลิตจากวัสดุพลาสติกประเภทต่างๆ เช่น PVC uPVC พอลิเอทิลีน เป็นต้น เหมาะสำหรับใช้กับสารที่ไม่รุนแรงมากนัก อุณหภูมิและแรงดันต่ำถึงปานกลาง ราคาถูกกว่าวาล์วโลหะ
การควบคุมวาล์ว
นอกจากการควบคุมวาล์วโดยการใช้แรงคน(Manual) ยังมีอีก 2 วิธี ที่นิยมใช้เพื่อควบคุมวาล์ว ซึ่งวิธีการทั้ง 2 นี้ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตให้เพิ่มขึ้นได้ โดยมีวิธีการ ดังนี้
ควบคุมวาล์วด้วยไฟฟ้า (Electic control valve)
ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนกลไกการเปิด-ปิดหรือปรับค่าของวาล์ว สามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ตัวอย่างวาล์วที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า:
- โซลินอยด์วาล์ว (Solenoid valve)
- หัวขับวาล์วไฟฟ้า (Electric actuator)
ควบคุมวาล์วด้วยลม (Pneumatic control valve)
ใช้พลังงานอัดอากาศหรือลมเป็นตัวขับเคลื่อนกลไกวาล์ว หรือที่เรียกกันติดปากว่าระบบนิวเมติกส์ โดยอากาศหรือลมอัดจะไปเคลื่อนที่กระบอกสูบเพื่อเปิด-ปิดวาล์ว เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากประกายไฟ
ตัวอย่างวาล์วที่ควบคุมด้วยลม:
- หัวขับวาล์วลม (Pneumatic actuator)
- เกทวาล์วแบบติดกระบอกสูบ (Gate valve with cylinder)
- โกลบวาล์วหัวเห็ด (Globe control valve)
การเลือกใช้วาล์วให้เหมาะสม
วิธีการเลือกใช้วาล์วแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับการใช้งาน มีปัจจัยที่จำเป็นต้องพิจารณาดังต่อไปนี้
พิจารณาจากสารที่ต้องการควบคุม (Medium)
ลักษณะและคุณสมบัติของสารที่จะควบคุมเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้วาล์ว ต้องพิจารณาทั้งชนิดของสาร ความหนืด ความเป็นกรด-ด่าง รวมถึงอุณหภูมิของสาร
พิจารณาจากแรงดัน อุณหภูมิที่ใช้งาน (Pressure and Temperature)
ระดับแรงดันและอุณหภูมิขณะใช้งานต้องนำมาพิจารณาด้วย เพื่อเลือกใช้วาล์วที่สามารถทนแรงดันและอุณหภูมิได้ตามที่กำหนด รวมถึงเลือกวัสดุที่เหมาะสม
ความต้องการทางด้านการควบคุม (Valve control)
ระดับความต้องการในการควบคุมการไหลจะเป็นตัวกำหนดว่าจะเลือกใช้วาล์วแบบธรรมดา หรือวาล์วควบคุมด้วยพลังงาน เช่น ไฟฟ้า ลม เพื่อให้การเปิด-ปิดมีความแม่นยำและรวดเร็ว
ความสะดวกในการติดตั้ง บำรุงรักษาและเปลี่ยนอะไหล่ (Installation and Maintenance)
การออกแบบโครงสร้างระบบท่อ พื้นที่ติดตั้งวาล์ว รวมถึงงบประมาณในการดูแลรักษาและเปลี่ยนวาล์ว ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด
สรุป
วาล์วเป็นอุปกรณ์ควบคุมการไหลที่สำคัญสำหรับระบบท่อต่างๆ โดยมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งานตามวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อควบคุมแรงดัน ความปลอดภัย ปริมาณการไหล หรือทิศทางการไหล นอกจากนี้ยังมีทั้งวาล์วควบคุมด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือลม เพื่อความแม่นยำและรวดเร็ว ดังนั้นในการเลือกใช้วาล์วจึงต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้วาล์วที่เหมาะสมกับงานและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด